กองกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goal (SDGs) Goal 4: Quality Education และ Goal 10: Reduced Inequality) เพื่อสนับสนุนความเท่าเทียมในการเข้าถึงการศึกษาและกิจกรรมเสริมหลักสูตรของนักศึกษาพิการ โดยหน่วยบริการสนับสนุนสำหรับนักศึกษาพิการ (DSS Mahidol) และหน่วยบริการสุขภาพนักศึกษา (MU Health) ได้จัดกิจกรรมฝึกอบรมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน (Basic Life Support Training) ให้นักศึกษาพิการทางการได้ยิน ณ ห้องฝึกปฏิบัติการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน (Mahidol BLS Training Center) วันพุธที่ 30 พ.ย. 65 เวลา 13.30-16.30น. โดยได้รับเกียรติจาก นฉพ. ยุรนันท์ ภูโทถ้ำ ภาควิชาเวชาศาสตร์ฉุกเฉิน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และทีม ER เป็นวิทยากร รวมทั้งล่ามภาษามือ 2 ท่าน จากวิทยาลัยราชสุดา

ผู้เข้าร่วมอบรมประกอบด้วย นศ.พิการทางการได้ยิน จำนวน 37 คน และนศ.ทั่วไป จำนวน 9 คน โดยมีการได้ฝึกปฏิบัติการปั้มหัวใจ (CPR) และการใช้เครื่องกระตุกหัวใจอัตโนมัติ (เครื่อง AED) ทีมวิทยากรได้ปรับรูปแบบกิจกรรมให้สอดคล้องกับความพิการของผู้เข้าร่วมอบรม เช่น การจับคู่อาสาสมัครและนศ.พิการ ช่วยทำสัญญาณจังหวะการกดปั้มหัวใจแทนการใช้สัญญาณเสียง และเลือกเครื่อง AED ที่มีสัญญาณไฟแทนรุ่นที่ใช้สัญญาณเสียง เป็นต้น ทั้งนี้ในการอบรมยังคงได้มาตรฐานของการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน(Basic Life Support) ทุกประการ
เมื่อเสร็จสิ้นการอบรมได้มีการสะท้อนความรู้สึกจากผู้จัดกิจกรรม วิทยากร และนศ.พิการทางการได้ยิน ดังนี้

– ผู้จัดกิจกรรม “รู้สึกว่ากิจกรรมนี้เป็นการส่งเสริมการใช้ชีวิตร่วมกันอย่างกลมกลืนระหว่างคนพิการและคนไม่พิการมากขึ้น ซึ่งอยากให้นักศึกษาพิการทางการได้ยินได้เข้ามาร่วมกิจกรรมในมหาวิทยาลัยมหิดลมากขึ้น”
– วิทยากร “รู้สึกตื่นเต้น ไม่แน่ใจว่าต้องสอนอย่างไร เนื่องจากเป็นการสอนนักศึกษาพิการทางการได้ยินเป็นครั้งแรก แต่เมื่อได้ฝึกอบรมไปแล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีความแตกต่าง เนื่องจากหุ่นฝึก CPR สามารถแสดงผลการปั้มหัวใจได้ชัดเจน (ความลึกและความถี่) แต่มีข้อจำกัดบางประการในการใช้เครื่อง AED ที่ใช้สัญญาณเสียง แต่สามารถใช้สัญญาณไฟทดแทนได้ และรู้สึกว่าได้เป็นผู้ให้ความรู้และได้รับประสบการณ์จากน้องๆ ที่เข้าร่วมอบรม”

– นศ.พิการทางการได้ยิน “รู้สึกดีมากคะที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมสนุกๆ แบบนี้ รวมทั้งคิดว่าสิ่งที่ได้ฝึกจะมีประโยชน์อย่างมากในการช่วยชีวิตผู้อื่นหากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมา”