เผยแพร่:
เผยแพร่:
โดย รองศาสตราจารย์ ดร.ภูเบศร์ สมุทรจักร
อาจารย์ประจำสถาบันวิจัยประชากรและสังคม
การปลูกฝังให้เด็กรักการอ่าน ควรเริ่มตั้งแต่แรกเกิดโดย พ่อ แม่ สามารถเริ่มจากอ่านหนังสือให้ลูกฟัง ซึ่งหนังสือที่ใช้ควรเป็นหนังสือที่น่าสนใจ มีคุณภาพ และเหมาะสมกับแต่ละช่วงวัย ยิ่งได้ซึบซับการอ่านเร็วและมากเท่าไหร่ ทักษะการอ่านของเด็กก็จะได้รับการพัฒนามากและเร็วยิ่งขึ้นเท่านั้น และเด็กก็จะมีแนวโน้มที่จะรู้สึกรักและผูกพันกับพ่อเเม่
ทักษะการอ่านที่ดีในวัยเด็ก นำไปสู่การพัฒนาด้านการเรียนรู้ และศักยภาพด้านอื่น ๆ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาทรัพยากรของมนุษย์ การอ่านหนังสือให้เด็กอายุ 4-5 ปี ฟังทุกวัน ช่วยเสริมสร้างการมีระเบียบวินัย การแบ่งปัน พื้นฐานคุณธรรม จริยธรรม การใช้ภาษา ความรู้รอบตัวและทักษะทางคณิตศาสตร์
ปัจจุบันพบว่า เด็กปฐมวัยของไทยมีหนังสือนิทานหรือสมุดภาพที่บ้านเฉลี่ย 3.9-8.7 เล่ม และที่สำคัญ คือ ค่าเฉลี่ยของการมีผู้ใหญ่อ่านหนังสือให้ฟังที่บ้านต่ำว่าสุดส่วนของการมีหนังสือ ซึ่งหมายความว่า ครอบครัวจำนวนไม่น้อยมีหนังสือนิทานที่บ้าน แต่ไม่มีใครอ่านหนังสือให้เด็กฟัง นอกจากนี้ สื่อโซเซียลในปัจจุบัน ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่แย่งเวลาการอ่านหนังสือของเด็ก โดยพบว่าในกลุ่มเด็กที่อายุน้อยกว่า 20 ปี ใช้เวลากับอินเทอร์เน็ตและสื่อโซเซียลต่อวันสูงที่สุด จำนวน 12 ชั่วโมง 8 นาที และมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี ทั้งยังพบว่า ครอบครัวจำนวนไม่น้อย ขาดความเข้มงวดในการใช้สื่อโซเซียลของเด็กๆ ในบ้าน ไม่ว่าจะมีการควบคุมระยะเวลาการใช้หรือเนื้อหาที่มีความเหมาะสม โดยอยู่ในระดับที่เสี่ยงร้อยละ 44-62 และในระดับที่เสี่ยงมากร้อยละ 7-12
ผลกระทบต่อการพัฒนาการของเด็ก ความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ของเด็กไทยถดถอยลง ต่ำกว่าคะแนนเฉลี่ยของกลุ่มประเทศ องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา Organization for Economic Co-operation and Development หรือ OECD และหลายประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ธนาคารโลกระบุว่า ความยากจนทางการเรียนรู้คือ ภาวะที่เด็กไม่สามารถอ่านออกเขียนได้ หรืออ่านออกเขียนได้น้อยมากเมื่อมีอายุครบ 10 ปี ซึ่งมีทั้งผลลัพธ์และจุดเริ่มต้นของความยากไร้อื่นๆ ซึ่งในประเด็นนี้จะกระทบต่อศักยภาพของทรัพยากรของไทยในอนาคต ทักษะการอ่านที่ไม่ดีพอ ประกอบกับการใช้สื่อโซเซียลที่มากเกินไป ส่งผลต่อพัฒนาการทางการใช้ภาษาพูด และเขียนช้าและที่สำคัญคือ เสี่ยงต่อการมีสมาธิสั้น ขาดการคิดวิเคราะห์ ขาดโอกาสในการเรียนรู้ มีความเสี่ยงสูงต่อการแสดงออกก้าวร้าว และการเก็บกด
ดังนั้น องค์กรส่วนท้องถิ่น จึงควรดำเนินกิจกรรมในพื้นที่เพื่อผลักดันให้ครอบครัวได้ตระหนัก ถึงความสำคัญของการปลูกฝังการอ่านให้แก่เด็กและเยาวชน และสนับสนุนให้พ่อแม่และสมาชิกในครอบครัวอ่านหนังสือให้เด็กฟัง หรือร่วมกันอ่านหนังสือกับเด็ก โดยชี้ให้เห็นว่าเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองสามารถทำได้ทันที และทำได้ง่ายๆ ภายในครอบครัว สร้างวินัยเพื่อควบคุมการใช้สื่อโซเซียลของเด็กให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม รวมทั้งจัดสรรหนังสือที่เหมาะสม และทันสมัยให้แก่ครอบครัวในชุมชนที่รับผิดชอบอย่างทั่วถึง
เรียบเรียงบทความโดย สุทธิรัตน์ สวัสดิภาพ
Cookie | Duration | Description |
---|---|---|
cookielawinfo-checkbox-analytics | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Analytics". |
cookielawinfo-checkbox-functional | 11 months | The cookie is set by GDPR cookie consent to record the user consent for the cookies in the category "Functional". |
cookielawinfo-checkbox-necessary | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookies is used to store the user consent for the cookies in the category "Necessary". |
cookielawinfo-checkbox-others | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Other. |
cookielawinfo-checkbox-performance | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Performance". |
viewed_cookie_policy | 11 months | The cookie is set by the GDPR Cookie Consent plugin and is used to store whether or not user has consented to the use of cookies. It does not store any personal data. |