เผยแพร่:
เผยแพร่:
รองศาสตราจารย์ ดร.ณัฐิรา อ่อนน้อม หัวหน้าหน่วยวิทยาศาสตร์การอาหาร
สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล
ควินัว (Quinoa) พืชพื้นเมืองของชาวอเมริกาใต้ มีถิ่นกำเนิดบริเวณเทือกเขาแอนดีส ตั้งแต่ยุคสมัยของอารยธรรมอินคา ราว 1,200 – 1,500 ปี หลังคริสตกาล ปัจจุบันนิยมเพาะปลูกอย่างแพร่หลายในประเทศเปรู ชิลี โคลัมเบีย เอกวาดอร์ และโบลิเวีย ควินัวสามารถเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่สูงและไม่ต้องการน้ำเยอะ จึงนิยมปลูกในช่วงปลายฝนต้นหนาวของปี และสามารถเก็บเกี่ยวช่วงเดือนมีนาคมของปีถัดไป โดยสายพันธุ์ที่ถูกนำเข้ามาในประเทศไทยครั้งแรกเป็นสายพันธุ์เดียวกับประเทศชิลี ภายใต้กรอบความร่วมมือเพื่อพัฒนาไทย – ชิลี โดยผ่านการค้นคว้าวิจัยจนค้นพบสายพันธุ์ที่สามารถปรับตัวได้ดีในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง และขึ้นทะเบียนในนามมูลนิธิโครงการหลวงของประเทศไทยแล้วหลายสายพันธุ์ ซึ่งปัจจุบันมีแหล่งเพาะปลูกอยู่บริเวณภาคเหนือหรือพื้นที่ตอนบนของประเทศไทยเป็นหลัก
ควินัวถือเป็น “ธัญพืชเทียม” เพราะเป็นพืชใบเลี้ยงคู่ที่มีการนำส่วนของเมล็ดมาใช้ในการบริโภค เป็นอาหารที่จัดอยู่ในจำพวกให้คาร์โบไฮเดรตเช่นเดียวกับธัญพืชชนิดอื่น หากแต่คุณค่าทางโภชนาการและสารอาหารต่าง ๆ ที่ผู้บริโภคจะได้รับก็มีอย่างหลากหลาย จึงทำให้ควินัวได้รับการยกย่องจากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัตนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO) ว่าเป็นอาหารที่สบูรณ์แบบชนิดหนึ่งสำหรับมนุษยชาติ
รองศาสตราจารย์ ดร.ณัฐิรา อ่อนน้อม หัวหน้าหน่วยวิทยาศาสตร์การอาหาร สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ควินัว อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่นับว่าสูงกว่าธัญพืชอื่น โดยเมล็ดแห้งของควินัวให้โปรตีนในปริมาณสูงถึง 16 – 28% มีกรดอมิโนจำเป็นครบ 9 ชนิด ซึ่งโดยปกติแล้วธัญพืชบางชนิดไม่สามารถมีครบหรือค่อนข้างพบได้ยาก ควินัวจึงเป็นอาหารทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้นมหรือแพ้ถั่วเหลือง เพราะอุดมไปด้วยโปรตีนสูงและมีกรดอมิโนจำเป็นที่ครบถ้วน ควินัวยังมีใยอาหารมากถึงร้อยละ 10 – 16% โดยเป็นชนิดที่ไม่ละลายน้ำ (Insoluble Fiber) ประมาณ 80 – 90% และชนิดละลายน้ำ (Soluble Fiber) อยู่ที่ 10 – 20% ซึ่งการที่มีใยอาหารชนิดไม่ละลายน้ำในปริมาณมาก จะช่วยในการสร้างสมดุลให้กับลำไส้ ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานอย่างเป็นปกติ ส่วนใยอาหารชนิดละลายน้ำยังสามารถเข้าไปช่วยในเรื่องการลดระดับน้ำตาลในเลือดและช่วยให้รู้สึกอิ่มนานยิ่งขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้ ควินัวยังเป็นธัญพืชที่ปราศจากกลูเตน ซึ่งปกติจะสามารถพบได้จากแป้งสาลี แป้งบาร์เลย์ หรือแป้งไรน์ เมื่อคนที่เป็นโรคเซลิแอค (Celiac Disease) รับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของกลูเตน ร่างการจะย่อยอาหารดังกล่าว และมีการดูดซึมสารอาหารที่ผนังลำไส้เล็กส่วนที่ชื่อว่า วิลไล (Villi) ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะผลิตสารออกมาทำลายกลูเตนและผนังที่มีกลูเตนเกาะอยู่ จึงทำให้ผนังลำไส้เล็กเกิดการอักเสบและถูกทำลาย ซึ่งหากเกิดต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ๆ จะเป็นสาเหตุของโรคขาดสารอาหาร (Malnutrition Disease) ทางเดียวที่จะทำให้อาการดีขึ้น คือการหลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนผสมของกลูเตน ควินัวจึงเป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบทางเลือกสำหรับการนำมาใช้ในการประกอบอาหารเพื่อทดแทนวัตถุดิบที่มีส่วนผสมของกลูเตนสำหรับผู้ที่แพ้กลูเตน หรือเป็นโรคเซลิแอคได้
ควินัวมีทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีขาวอมเหลือง สีแดง และสีดำ ซึ่งในเชิงคุณค่าทางโภชนาการจะมีความแตกต่างกัน โดยสีขาวอมเหลืองจะมีไขมันสูงที่สุด และเนื้อสัมผัสอาจไม่ได้มีความกรุบกรอบเท่ากับสีอื่น ๆ แต่สามารถเพาะปลูกและหารับประทานได้ง่าย จึงได้รับความนิยมทั้งจากผู้บริโภคและเกษตรกรมาก ส่วนสีแดงอุดมไปด้วยแร่ธาตุอย่างวิตามินอี โฟเลต และใยอาหารที่สูงกว่าสีขาวอมเหลือง และสีดำจะให้สารอาหารจำพวกแอนโทไซยานินที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ในระดับสูง และมีความกรุบกรอบมากกว่าสีอื่น ๆ แต่ก็หาได้ยากมากเช่นกัน โดยวิธีการเพิ่มคุณประโยชน์หรือสารอาหารให้มีความครบถ้วนตามความต้องการมากยิ่งขึ้นอาจนำควินัวแต่ละสีมาผสมกันในการประกอบอาหารเพื่อเพิ่มความหลากหลายทางโภชนาการที่มากขึ้นได้
จากการวิจัยพบว่า เด็กที่รับประทานควินัววันละ 2 มื้อ มื้อละประมาณ 100 กรัม ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ ควินัวมีส่วนช่วยในการป้องกันการเกิดภาวะขาดสารอาหารที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตกับเด็กได้ เนื่องจากการมีสารอาหารที่ครบถ้วนและหลากหลาย ด้านไขมันมีการทดสอบกับผู้หญิงที่อยู่ในช่วงวัยหมดประจำเดือนและมีภาวะน้ำหนักเกิน โดยการบริโภคควินัวในปริมาณ 25 กรัมต่อวัน ติดต่อกันเป็นเวลา 4 สัปดาห์ พบว่ามีแนวโน้มที่จะสามารถลดปริมาณไขมันชนิดไม่ดี (LDL) คอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอร์ไรด์ ภายในร่างกายได้ และสำหรับคนที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เมื่อรับประทานควินัว เป็นเวลา 6 เดือน มีแนวโน้มที่จะลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ เพราะควินัวจัดเป็นอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index: GI) อยู่ในระดับต่ำ ทำให้สามารถควบคุมน้ำตาลได้ดีขึ้น จึงเป็นอีกหนึ่งอาหารทางเลือกสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน
รองศาสตราจารย์ ดร.ณัฐิรา อ่อนน้อม เพิ่มเติมว่า การบริโภคควินัวไม่มีสูตรตายตัว แต่จะมองในเรื่องของความปลอดภัยมากกว่า แม้การวิจัยจะยังไม่พบความอันตรายของควินัวที่ส่งผลถึงชีวิตต่อสิ่งมีชีวิต อย่างไรก็ดี แนะนำให้ใช้วิธีการปรับตัวโดยเริ่มจากการรับประทานทีละน้อย และคอยสังเกตตัวเองอยู่เป็นระยะ ทั้งนี้ ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเปราะบางอย่างเด็กและสตรีมีครรภ์ ควรขอรับคำปรึกษาจากแพทย์ก่อนเริ่มรับประทานควินัวเช่นเดียวกับการรับประทานอาหารชนิดอื่น การรับประทานควินัวควรนำไปผ่านกระบวนการประกอบอาหาร ปรุงสุก และชะล้างสิ่งแปลกปลอมที่อาจติดมากับเมล็ดควินัวก่อนทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้น
รองศาสตราจารย์ ดร.ณัฐิรา อ่อนน้อม กล่าวทิ้งท้ายว่า ควินัวสามารถเป็นพืชทางเลือกให้เราได้ไม่ว่าจะกับคนที่รับประทานมังสวิรัติ แพ้โปรตีนจากสัตว์หรือพืชบางชนิด หรือคนที่มีโรคประจำตัวใด ๆ ก็ตาม ด้านงานวิจัยในเรื่องของความเป็นพิษหรือการแพ้ต่อควินัวก็ยังมีออกมาไม่มากนัก เวลารับประทานจึงอยากให้หมั่นสังเกตตัวเองอยู่เสมอ ให้การรับประทานอาหารทางเลือกใหม่ ๆ อยู่บนความหลากหลายและความพอดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป ประกอบกับการรับประทานอาหารอย่างหลากหลายครบ 5 หมู่ ในปริมาณที่เหมาะสมตามความต้องการแคลอรี่ที่ควรได้รับในแต่ละวัน ดื่มน้ำสะอาดอยู่เป็นประจำ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งก็เป็นแนวคิดพื้นฐานที่ควรปฏิบัติเพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืนของตัวเราเอง
เรียบเรียงบทความ โดย คุณจรินทร์ภรณ์ ตะพัง
นักประชาสัมพันธ์ งานสื่อสารองค์กร กองบริหารงานทั่วไป
Cookie | Duration | Description |
---|---|---|
cookielawinfo-checkbox-analytics | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Analytics". |
cookielawinfo-checkbox-functional | 11 months | The cookie is set by GDPR cookie consent to record the user consent for the cookies in the category "Functional". |
cookielawinfo-checkbox-necessary | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookies is used to store the user consent for the cookies in the category "Necessary". |
cookielawinfo-checkbox-others | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Other. |
cookielawinfo-checkbox-performance | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Performance". |
viewed_cookie_policy | 11 months | The cookie is set by the GDPR Cookie Consent plugin and is used to store whether or not user has consented to the use of cookies. It does not store any personal data. |