ม.มหิดลวิจัย‘เปิดโลกประกอบการสีเขียว’เตรียมพร้อมรับนักลงทุน – สร้างเศรษฐกิจไทย
31/10/2024
ม.มหิดลตรวจมะเร็งช่องปากสุนัขด้วยน้ำลายได้ครั้งแรก
31/10/2024
ม.มหิดลวิจัย‘เปิดโลกประกอบการสีเขียว’เตรียมพร้อมรับนักลงทุน – สร้างเศรษฐกิจไทย
31/10/2024
ม.มหิดลตรวจมะเร็งช่องปากสุนัขด้วยน้ำลายได้ครั้งแรก
31/10/2024

ม.มหิดล-สธ. ร่วมวิจัยระบาดวิทยา HIV-โรคหัวใจ พร้อมขยายผล NCDs ตอบโจทย์ออกแบบจัดบริการองค์รวม

สิ่งที่นับว่าเป็น ภัยคุกคาม ต่อสุขภาพมากที่สุด ไม่ใช่การมีโรคประจำตัว แต่คือการขาด การเฝ้าระวัง ดูแลตัวเองจนต้องกลายเป็นอีกโรคหนึ่งโดยไม่คาดคิด

เพราะโรคบางโรคมีความเกี่ยวเนื่องกับอีกโรคด้วยตัวเอง ทางเลือกที่ดีที่สุด คือ การ ตัดท่อน้ำเลี้ยงแห่งรังโรค เพื่อหยุดการพัฒนาต่อเนื่องไปสู่อีกโรค

รองศาสตราจารย์ ดร.มธุรส ทิพยมงคลกุล รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและวิชาการ และอาจารย์ประจำกลุ่มสาขาวิชาพัฒนาสุขภาพ สถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยมหิดล โดย กลุ่มสาขาวิชาพัฒนาสุขภาพ สถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน  ภาควิชาระบาดวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ ร่วมกับ ผู้ทรงคุณวุฒิ กระทรวงสาธารณสุข วิจัยความชุกและปัจจัยเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจในผู้ติดเชื้อ HIV ในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก ด้วยวิธีการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ ซึ่งสามารถนำไปสู่การต่อยอดขยายผลในเชิงนโยบายได้

โดยได้รับการตีพิมพ์แล้วในวารสารวิชาการนานาชาติด้านสาธารณสุข “BMC Public Health” เมื่อปลายปีที่ผ่านมา

จากการวิจัยทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบจนค้นพบว่า ผู้ติดเชื้อเอชไอวีมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ จากสาเหตุสำคัญที่ว่า เชื้อไวรัส HIV” ส่งผลต่อการอักเสบของหลอดเลือด

ดังนั้น หากไม่สามารถคุมระดับไวรัสได้จะเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจมากขึ้น จากการวิเคราะห์เชิงสถิติแบบอภิมาน (Meta – analysis) เพื่อศึกษา ความเสี่ยง” “ความชุก และ อุบัติการณ์ พบอุบัติการณ์ของโรคหลอดเลือดหัวใจในผู้ติดเชื้อ HIV ทวีปเอเชีย แปซิฟิกสูงเป็นอันดับที่ 3 ของโลก รองลงมาจากผู้ติดเชื้อ HIV ในทวีปยุโรป และทวีปอเมริกา

โดยมีข้อสันนิษฐานว่าอุบัติการณ์อาจต่ำกว่าความเป็นจริง (Underestimate) ได้

เนื่องจากงานวิจัยด้านอุบัติการณ์ในทวีปเอเชีย – แปซิฟิก ยังน้อยมาก และเมื่อเทียบกับในส่วนของจำนวนผู้ป่วยโรค HIV ทวีปเอเชีย – แปซิฟิกมีมากถึงอันดับ 2 รองจากทวีปแอฟริกา

รองศาสตราจารย์ ดร.มธุรส ทิพยมงคลกุล ได้ให้มุมมองต่อการวิจัยในครั้งนี้โดยได้แสดงความห่วงใยถึงแนวโน้ม ตัวเลขจริง ของผู้ติดเชื้อ HIV ในทวีปเอเชีย – แปซิฟิกที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งคาดว่าอาจสูงกว่าสถิติที่ใช้วิธีการวิเคราะห์แบบอภิมาณ (Meta – analysis) ได้

ทั้งๆ ที่ปัจจุบันยังคงไม่มีการศึกษา และเฝ้าระวังที่ดีพอในทวีปเอเชีย – แปซิฟิก เมื่อเทียบกับทวีปอเมริกา และทวีปยุโรป แต่ยังได้ผลลัพธ์ออกมาถึงอันดับที่ 3

นอกจากนี้ ยังได้ฝากแนะนำผู้ที่ติดเชื้อ HIV ให้เฝ้าระวังดูแลสุขภาพก่อนป่วยเพิ่ม โดยให้รับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ เลิกบุหรี่ – ดื่มสุรา พร้อมควบคุมระดับน้ำตาล โซเดียม และไขมันในเลือดให้อยู่ในระดับที่สมดุล

โดยก้าวต่อไปทีมวิจัยพร้อมศึกษาปัจจัยสำคัญในผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีความเสี่ยงต่อโรค NCDs เพื่อ คุมเข้ม ความชุก และอุบัติการณ์ของ ภาวะโรคร่วม ของ HIV และ NCDs พร้อมขยายผลสู่เชิงนโยบายเพื่อให้สามารถออกแบบการจัดบริการแบบองค์รวมได้ต่อไปอย่างสมบูรณ์