บุหรี่ไฟฟ้า: ภัยร้ายทำลายเยาวชน “รวมพลังปกป้องเยาวชนไทย ให้ห่างไกลบุหรี่ไฟฟ้า”

เผยแพร่: 30

รองศาสตราจารย์ นายแพทย์อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์
ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล

ประเทศไทยมีการออกกฎหมายห้ามนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้ามาตั้งแต่ปี 2557 ช่วงเริ่มแรกที่ผลิตภัณฑ์ยังไม่เป็นที่นิยม เพราะเราถือว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย แต่ปัจจุบันพบว่าอัตราการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน สะท้อนถึงช่องว่างในการบังคับใช้กฎหมายและความละเลยของภาครัฐและสังคม ทำให้บุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาสร้างปัญหาทั้งในด้านสุขภาพ สังคมและวัฒนธรรม ให้กับประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

การตลาดของบริษัทบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าที่ชาญฉลาด เจาะกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชน ผู้ผลิตออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีสีสัน น่ารัก พกพาง่าย และมีกลิ่นที่ดึงดูดใจ เช่น กลิ่นผลไม้ ลูกอม หรือของหวาน ทำให้บุหรี่ไฟฟ้าแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีการโฆษณาผ่านโซเชียลมีเดียและกลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง จากตัวเลขเชิงสถิติพบว่าแนวโน้มของจำนวนผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน บางปีมีอัตราการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นถึง 10 เท่า และปัจจุบันพบว่าเด็กอายุเพียง 8-9 ขวบ สามารถเข้าถึงและพกพาบุหรี่ไฟฟ้าไปโรงเรียนได้ ซึ่งปรากฏการณ์นี้ไม่เพียงบ่งชี้ถึงความล้มเหลวของระบบการควบคุมในสังคมไทย แต่ยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงวัฒนธรรมและค่านิยมของสังคมไทยในวงกว้างอีกด้วย

หากจะมองถึงผลกระทบของบุหรี่ไฟฟ้าที่ส่งผลกระทบกับสังคม อาจแบ่งได้ 2 ประเด็นใหญ่ ดังนี้

1) ผละกระทบด้านสุขภาพ บุหรี่ไฟฟ้าแม้จะไม่มีกลิ่นควันเหมือนบุหรี่ทั่วไป แต่ก็มีสารพิษหลายชนิดปะปนอยู่ เช่น นิโคติน สารแต่งกลิ่นรส สารจากวัสดุอุปกรณ์ที่เป็นสารก่อมะเร็งและโรคร้ายแรงต่าง ๆ เช่น ปอดอักเสบ ระบบหายใจผิดปกติ โรคสมองเสื่อม และโรคที่ส่งผลต่อการพัฒนาสติปัญญาของเด็ก นอกจากนี้ บุหรี่ไฟฟ้ายังเป็นจุดเริ่มต้นที่นำไปสู่การเสพติดสารเสพติดชนิดอื่นด้วย เช่น กัญชา ยาบ้า หรือยาเสพติดรุนแรงประเภทต่าง ๆ

2) ผลกระทบด้านวัฒนธรรมทางสังคม นอกจากตัวผู้สูบที่ได้รับผลกระทบแล้ว คนในครอบครัวที่เราต้องดูแล คนที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หรือคนที่มีความแตกต่างกัน ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และคนพิการ ฯลฯ กลุ่มคนเหล่านี้คือกลุ่มคนที่อยู่ร่วมกันในสังคม จำเป็นต้องมีกระบวนการที่คอยดูแลกันและกัน ไม่ให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบกัน และต้องไม่ตกเป็นเหยื่อ หรือเป็นผู้ได้รับสารพิษจากบุหรี่ไฟฟ้า อีกประการหนึ่งที่สำคัญคือ การที่สังคมเริ่ม “ยอมรับ” พฤติกรรมที่ผิดกฎหมายให้มาทำร้ายคนกลุ่มเปราะบาง ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้พิการ สะท้อนถึงความเสื่อมถอยของวัฒนธรรมการดูแลเอาใจใส่กันในสังคมไทย แนวคิดแบบทุนนิยมและบริโภคนิยมได้เข้ามามีอิทธิพลอย่างมาก การที่รัฐบาลอนุญาตหรือยอมปล่อยให้เกิดการเติบโตของผลิตภัณฑ์ที่ผิดกฎหมายเช่นนี้ ยิ่งทำให้สังคมไม่คำนึงถึงเรื่องจริยธรรมเท่าที่ควร ปล่อยให้สังคมกลายเป็นพื้นที่เปราะบางและไร้หลักยึดทางจริยธรรม

แม้ว่าจะมีความพยายามที่จะทำให้สถานการณ์เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าดีขึ้น แต่บุหรี่ไฟฟ้ายังคงถูกจำหน่ายผ่านช่องทางต่าง ๆ อย่างเปิดเผย โดยไร้การควบคุมหรือการจับกุมอย่างจริงจัง ทำให้บุหรี่ไฟฟ้าแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นแฟชั่นใหม่ที่หลายคนมองข้ามอันตราย ซึ่งแนวโน้มในอนาคตจึงมีความเป็นไปได้สูงที่การใช้บุหรี่ไฟฟ้าจะมีปริมาณเพิ่มขึ้น ด้วยเหตุปัจจัยที่สำคัญ 3 ประการ ดังนี้

  1. การออกแบบผลิตภัณฑ์: ผู้ขายมีการพัฒนาบุหรี่ไฟฟ้าให้ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ผ่านการใช้สีสัน กลิ่น รส และรูปลักษณ์ที่คล้ายของเล่นหรือของใช้ประจำวัน เช่น กล่องนม ตัวการ์ตูนต่าง ๆ เป็นต้น
  2. การตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย: แม้จะผิดกฎหมาย แต่บุหรี่ไฟฟ้าก็มีการโฆษณาอย่างเปิดเผย และสามารถหาซื้อได้บนแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ สะดวกในการสั่งซื้อ และสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายโดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและวัยรุ่น
  3. การบังคับใช้กฎหมายที่ไม่จริงจัง: การควบคุมที่อ่อนแอของผู้บังคับใช้กฎหมาย แม้มีกฎหมายห้ามนำเข้าและจำหน่าย แต่กลับขาดความจริงจังในการควบคุม ไม่มีการบังคับใช้ที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ยังคงมีผลิตภัณฑ์และผู้ขายจำนวนมากอยู่ทั่วไปในตลาดและอาจจะไม่สามารถควบคุมได้ในอนาคต

ดังนั้น ทุกคนต้องยอมรับก่อนว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสารพิษที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ถ้ายังมีฝ่ายที่ให้ข้อมูลผิด ๆ กันอยู่ว่าเป็นสิ่งดีมีประโยชน์ จนทำให้เกิดการสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นพิษมาเพื่อให้คนบริโภค มาสูบ มากิน ปัญหานี้จะไม่ได้เป็นเพียงปัญหาเรื่องสุขภาพส่วนบุคคลเท่านั้น แต่เป็นการสะท้อนถึงให้เห็นถึงโครงสร้างและค่านิยมของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่อ่อนแอลง เพราะต้องยอมรับผลิตภัณฑ์ที่ผิดกฎหมายและมีโทษต่อสุขภาพร่างกาย เพียงเพราะแรงกดดันทางเศรษฐกิจจากบริษัทผู้ขายหรือความนิยมของผู้บริโภค อันจะนำไปสู่ปัญหาที่ยิ่งใหญ่ขึ้นทั้งในด้านสาธารณสุขและจริยธรรมของสังคมโดยรวม ฉะนั้น พ่อแม่ ผู้ปกครองทุกคน ต้องร่วมมือกันสร้างระบบนิเวศที่มีความปลอดภัยสำหรับเด็กและเยาวชนของเรา ช่วยกันสกัดกั้นไม่ให้เกิดพฤติกรรมการใช้สารเสพติดส่งผลเสียต่อสุขภาพ และก่อให้เกิดวัฒนธรรมทางสังคมที่อันไม่พึงประสงค์เหล่านี้ อันจะส่งผมต่อเด็กและเยาวชนในรุ่นต่อไปอนาคตด้วย

“เนื่องในโอกาสวันงดสูบบุหรี่โลก 31 พฤษภาคม นี้ ขอเชิญชวนให้คุณพ่อคุณแม่ทุกครอบครัวนะครับ มาร่วมมือร่วมพลังกันในการปกป้องลูกหลานเหลนของเราให้พ้นจากพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า พ้นจากภัยของการตลาดล่าเหยื่อ พ้นจากภัยของการละเลยต่อการควบคุมสิ่งผิดกฎหมายรอบตัวเด็กนะครับ มาร่วมมือกันนะครับ”


เรียบเรียงบทความ โดย คุณศรัณย์ จุลวงษ์
นักประชาสัมพันธ์ งานสื่อสารองค์กร กองบริหารงานทั่วไป

มหาวิทยาลัยมหิดล จัดกิจกรรม “OP Town Hall : Real World Impact Starts with Our People”
30/04/2025
รู้เท่าทันภัยบุหรี่ไฟฟ้า เสริมภูมิปัญญา ป้องกันปัญหาสุขภาพในอนาคต: เมื่อบุหรี่ไฟฟ้าไล่ล่าเยาวชนไทย ป้องกันอย่างไรไม่ให้ใครตกเป็นเหยื่อ!
06/06/2025
มหาวิทยาลัยมหิดล จัดกิจกรรม “OP Town Hall : Real World Impact Starts with Our People”
30/04/2025
รู้เท่าทันภัยบุหรี่ไฟฟ้า เสริมภูมิปัญญา ป้องกันปัญหาสุขภาพในอนาคต: เมื่อบุหรี่ไฟฟ้าไล่ล่าเยาวชนไทย ป้องกันอย่างไรไม่ให้ใครตกเป็นเหยื่อ!
06/06/2025