ม.มหิดล จุดประกายความหวังนักวิจัยทุกสาขา บูรณาการด้วยเทคโนโลยี AI
17/05/2022ม.มหิดล วอนคนไทยไม่ทอดทิ้งอาชีพเกษตร
17/05/2022องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดให้วันที่ 25 เมษายนของทุกปี เป็น “วันมาลาเรียโลก” (World Malaria Day 2022)
โดยในปีนี้ใช้อรรถบทว่า “ควบคุมและใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมเพื่อรักษาชีวิตและลดภาระจากโรคมาลาเรีย” (Harness innovation to reduce the malaria disease burden and save lives)
คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นสถาบันการศึกษา การบริการทางการแพทย์ และการวิจัย ได้ใช้บริบทความเป็นนานาชาติตั้งแต่เริ่มก่อตั้งตลอด 6 ทศวรรษที่ผ่านมา เป็นสถาบันหนึ่งในความภาคภูมิใจของมหาวิทยาลัยมหิดล มีงานวิจัยด้านโรคเขตร้อน และโรคมาลาเรียอยู่ในระดับแนวหน้าของโลก จากการจัดอันดับโดยมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ปีพ.ศ.๒๕๖๔ (World’s Top2% Scientists by Stanford University 2021) ผลงานบุคลากรของคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล กว่า 9 รายติดอยู่ในกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ระดับโลก หรือร้อยละ 2 ของบุคคลทั่วโลกที่มีผลงานวิจัยที่ได้รับการอ้างอิงสูงสุด
ศาสตราจารย์ ดร.เกศินี โชติวานิช รองคณบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ และอาจารย์ประจำภาควิชาอายุรศาสตร์เขตร้อน คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล มีผลงานเป็นที่ยอมรับ จากการจัดอันดับโดยมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด โดยเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการทำงานวิจัยด้านโรคมาลาเรียในระดับห้องปฏิบัติการ และร่วมมือกับงานวิจัยทางคลินิก
ผลงานของ ศาสตราจารย์ ดร.เกศินี โชติวานิช เป็นผลงานจากระดับพื้นฐานสู่การต่อยอดสร้างนวัตกรรม ให้เกิดองค์ความรู้และแนวปฏิบัติเพื่อการวินิจฉัย และรักษาชีวิต เพื่อการขจัดและกวาดล้างโรคมาลาเรีย ตามการรณรงค์ขององค์การอนามัยโลก (WHO)
มาลาเรียที่มีอุบัติการณ์สูงสุดในคน คือ เชื้อฟัลซิปารัมและไวแวกซ์ ซึ่งมาลาเรียฟัลซิปารัมทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนเสียชีวิตได้ และมีวิวัฒนาการดื้อยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันสามารถดื้อต่อยาอาร์ติมิซินีน
มาลาเรียฟัลซิปารัม เป็นสายพันธุ์ที่กำลังระบาดในภูมิภาคเอเชีย และเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการกำจัดโรคมาลาเรียในระดับโลก ในขณะที่ มาลาเรียไวแวกซ์มักตอบสนองต่อยารักษาได้ดี แต่มีปัญหาเชื้อกลับซ้ำจากเชื้อที่แฝงอยู่ในตับ (hypnozoite) ทำให้เกิดอาการป่วยซ้ำๆ ได้ และมีปัญหาต่อการแพร่เชื้อ
ศาสตราจารย์ ดร.เกศินี โชติวานิช และคณะได้สร้างผลงานที่เกี่ยวข้องกับปัญหาจำเพาะของเชื้อมาลาเรียทั้งสองชนิด ได้แก่ พยาธิสภาพของมาลาเรียฟัลซิปารัมจากขบวนการการเกาะติดของเม็ดเลือดแดงติดเชื้อในเส้นเลือดสมองและอวัยวะอื่นๆ (sequestration) และผลของยาต้านมาลาเรียชนิดต่างๆ ที่สามารถยับยั้งการอุดกั้นเส้นเลือดในมาลาเรียชนิดรุนแรง การสร้างนวัตกรรมตรวจหาเชื้อดื้อยาอาร์ติมิซินีนที่ได้รับการปรับใช้ทั่วไป การสร้างโปรแกรมเพื่อใช้ในการประเมินผลตรวจหาเชื้อมาลาเรีย เพื่อตัดวงจรการแพร่กระจายจากคนสู่ยุง และการศึกษายาที่มีผลต่อระยะแฝงของเชื้อไวแวกซ์ และยาที่มีผลต่อเชื้อระยะมีเพศของเชื้อฟัลซิปารัมและไวแวกซ์
ศาสตราจารย์ ดร.เกศินี โชติวานิช ได้เล่าถึงผลงานวิจัยและการทำงานซึ่งได้มีส่วนร่วมขจัดมาลาเรียให้หมดไปจากโลกนี้มานานกว่า 2 ทศวรรษ ครอบคลุมการวิจัยในห้องปฏิบัติการและการวิจัยภาคสนามในแหล่งที่มีมาลาเรียชุกชุม ทั้งในไทย และต่างประเทศ
“ปัจจัยสำคัญในการทำวิจัยให้ประสบความสำเร็จ ได้ประโยชน์ ตอบโจทย์ ใช้ได้จริง คือ การสร้างเครือข่ายที่เข้มแข็งทั้งในระดับชาติ และนานาชาติ ทุกฟันเฟืองของการวิจัยมีความสำคัญ หากมุ่งมั่นใส่ใจคุณภาพ ผลของการวิจัยนั้นๆ ก็จะเป็นที่ยอมรับในระดับโลกได้ที่สุด” ศาสตราจารย์ ดร.เกศินี โชติวานิช กล่าวทิ้งท้าย
สัมภาษณ์ และเขียนข่าวโดย ฐิติรัตน์ เดชพรหม / ภาพจากผู้ให้สัมภาษณ์
1.เมดิคอลไทม์ 12-4-65 http://medi.co.th/news_detail4.php?q_id=849
2.ThaiPR.NET 12-4-65 https://www.thaipr.net/education/3179559
3.RYT9.COM 12-4-65 https://www.ryt9.com/s/prg/3314270
4.4.นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน 12-4-65 https://www.technologychaoban.com/bullet-news-today/article_213496
5.นิตยสารสาระวิทย์ 12-4-65 https://www.nstda.or.th/sci2pub/malaria-research-mahidol/
6.ศิษย์สัมพันธ์ 19-4-65 https://www.facebook.com/1522824707995171/posts/3168696470074645/?d=n