ประเทศไทยปลอดไขมันทรานส์
สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล
ประเทศไทยปลอดไขมันทรานส์
สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล
ผลงานวิจัย :
ประเทศไทยปลอดไขมันทรานส์
ผู้วิจัย :
ศ.ดร.วิสิฐ จะวะสิต
การปนเปื้อนของกรดไขมันชนิดทรานส์ในอาหาร มีผลกระทบทางลบต่อสุขภาพของผู้บริโภค จึงเป็นข้อกังวลสำหรับหน่วยงานด้านนโยบายสาธารณสุข และมีผลต่อการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหาร ไปยังประเทศที่ห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารที่ปนเปื้อนด้วยกรดไขมันชนิดทรานส์ งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ให้ประเทศไทยปลอดการปนเปื้อนกรดไขมันชนิดทรานส์ในอาหาร ในระดับที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ โดยมุ่งเน้นที่น้ำมันและไขมันซึ่งผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนในระดับอุตสาหกรรม (Industrial Partial Hydrogenation) รวมถึงส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์อาหารที่มีการใช้น้ำมันหรือไขมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนในการเตรียมหรือเป็นส่วนผสม ทั้งนี้ ไม่รวมถึงการปนเปื้อนจากกรดไขมันทรานส์ที่มีตามธรรมชาติ
จากการประเมินสถานการณ์การปนเปื้อนกรดไขมันชนิดทรานส์ ในอาหารที่มีจำหน่ายในประเทศไทย พบว่าอาหารในท้องตลาดที่ปนเปื้อนกรดไขมันชนิดทรานส์ในระดับเกินกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด (> 2.2 กรัมต่อวัน หรือ > 0.5 กรัมต่อมื้อ) ได้แก่ โดนัททอด พัฟและเพสทรี เวเฟอร์ มาร์การีน และเนย เพียงบางยี่ห้อเท่านั้น นอกจากนี้ ยังพบว่ากรดไขมันอิ่มตัว (> 5 กรัมต่อมื้อ) เป็นปัญหาทางโภชนาการที่สำคัญกว่ากรดไขมันชนิดทรานส์ในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารที่ศึกษา
ผลการวิจัยได้ข้อสรุปว่า ประเทศไทยสามารถประกาศสถานะปลอดการปนเปื้อนกรดไขมันชนิดทรานส์ได้ภายใน 1 ปี เพื่อไม่ให้มีผลเชิงลบต่อสุขภาพของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง และควรดำเนินการภายใต้เงื่อนไขดังต่อไปนี้ (1) คำจำกัดความของ “ปลอดไขมันทรานส์” มิใช่การตรวจไม่พบกรดไขมันชนิดทรานส์ แต่เป็นการกำหนดความเข้มข้นสูงสุดที่ยอมให้มีได้ โดยใช้ปริมาณที่ไม่ก่อความเสี่ยงเชิงสุขภาพเป็นเกณฑ์ ได้แก่ < 0.5 กรัมต่อหน่วยบริโภค (2) ผู้ผลิตน้ำมันและไขมันดำเนินการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทดแทนผลิตภัณฑ์เดิมที่ปนเปื้อนกรดไขมันชนิดทรานส์ โดยใช้กระบวนการผสมน้ำมัน (Oil Blending) ซึ่งต้นทุนด้านเทคโนโลยีและวัตถุดิบไม่สูง (3) เร่งรัดมาตรการด้านกฏหมายที่ห้ามมิให้ใช้ไขมันที่ผลิตจากกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนในการผลิตอาหาร เพื่อลดการได้เปรียบและเสียเปรียบทางการค้าของผู้ผลิตอาหาร และเฝ้าระวังการทุ่มตลาดของสินค้าคัดทิ้งจากประเทศสหรัฐอเมริกา และ (4) การกล่าวอ้างทางโภชนาการในผลิตภัณฑ์อาหารที่เกี่ยวกับปริมาณไขมันทรานส์ ซึ่งต้องพิจารณาทั้งปริมาณกรดไขมันชนิดทรานส์และกรดไขมันอิ่มตัว เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคสับสนและเกิดผลเสียต่อสุขภาพ
การนำไปใช้ประโยชน์ : ปรับประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ ๓๘๘ พ.ศ. ๒๕๖๑ เรื่องกำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย เพื่อวางนโยบายการบริหารจัดการและการควบคุมปัญหาการปนเปื้อนของกรดไขมันชนิดทรานส์ ในผลิตภัณฑ์อาหารที่ผลิตเพื่อการบริโภคในประเทศและส่งออก รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารนำเข้า ซึ่งจะเป็นการรองรับการเป็นประเทศปลอดไขมันทรานส์ (Trans Fat – Free Country) ในอนาคต
แหล่งทุน : สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
การติดต่อ :
ศ.ดร.วิสิฐ จะวะสิต
สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล
visith.cha@mahidol.ac.th