ม.มหิดลสร้างนวัตกรรมแบบจำลองประเมินความเสียหายแผ่นดินไหวด้วยพหุฟิสิกส์
07/07/2025
ม.มหิดลพร้อมก้าวสู่มาตรฐานโลก ให้บริการรักษา-ดูแลผู้ป่วยโรคภูมิแพ้
07/07/2025
ม.มหิดลสร้างนวัตกรรมแบบจำลองประเมินความเสียหายแผ่นดินไหวด้วยพหุฟิสิกส์
07/07/2025
ม.มหิดลพร้อมก้าวสู่มาตรฐานโลก ให้บริการรักษา-ดูแลผู้ป่วยโรคภูมิแพ้
07/07/2025

ม.มหิดลร่วมเวทีโลกพัฒนาสินค้าเกษตรยั่งยืน ภายใต้โครงการ OCOP แห่ง FAO สหประชาชาติ

การลดความยากจน (SDG 1 No poverty), ขจัดความหิวโหย (SDG 2 Zero Hunger) และลดความเหลื่อมล้ำ (SDG 10 Reduced inequality) เป็นส่วนหนึ่งของการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ ภายในปี พ.ศ. 2573 โครงการ “OCOP – One Country One Priority Product” ขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO – Food and Agriculture Organization) จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อส่งเสริมการสร้างรายได้ อย่างเสมอภาค ยั่งยืน จากการแปรรูปผลิตผลทางการเกษตรที่สำคัญของแต่ละประเทศ

รองศาสตราจารย์ ดร.ชลัท ศานติวรางคณา ผู้อำนวยการสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เปิดเผยถึงภารกิจบนเวทีนานาชาติของสถาบันฯ โดยได้รับมอบหมายของ FAO เพื่อนำประสบการณ์ความสำเร็จของประเทศไทยในโครงการ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) มาประยุกต์สนับสนุนโครงการ “OCOP – One Country One Priority Product” ในประเทศต่างๆ

โดยในเบื้องต้น สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล จะส่งนักวิจัยลงพื้นที่ใน 4 ประเทศแถบภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ ราชอาณาจักรภูฏาน รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี ราชอาณาจักรกัมพูชา และสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล เพื่อร่วมพัฒนาและถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาอาหาร รวมถึงสูตรอาหารที่ปลอดภัยมีคุณค่าทางโภชนาการ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จากวัตถุดิบการเกษตรที่สำคัญของแต่ละประเทศ ตลอดจนแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการ เพื่อสนับสนุนการสร้างรายได้ของเกษตรกรรายย่อยภายในแต่ละประเทศ

ซึ่งทั้ง 4 ประเทศได้เสนอให้มีการพัฒนาอาหารต้นแบบจากวัตถุดิบที่แต่ละประเทศให้ความสนใจ ประเทศละ 1 รายการ โดย 2 ประเทศแรกที่ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมพัฒนาอาหารตามโครงการ OCOP ได้แก่ ราชอาณาจักรภูฏานที่ให้ความสนใจพัฒนาอาหารจาก ควินัว“ (Quinoa) ซึ่งเป็นอาหารในกลุ่มธัญพืชที่มีต้นกำเนิดจากอเมริกาใต้ และปลูกอย่างแพร่หลายในภูฏานเป็นเวลาเกือบทศวรรษ จนกลายเป็นสินค้าเกษตรเพื่อการส่งออกในปัจจุบัน โดยมีความโดดเด่นในเรื่องไฟเบอร์ (Fiber) หรือกากใยสูง

ในขณะที่ รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี ให้ความสนใจพัฒนาอาหารจาก วานิลา” (Vanilla) ซึ่งมีต้นกำเนิดจากอเมริกาใต้เช่นเดียวกัน เพื่อใช้แต่งกลิ่นอาหาร โดยมีค่าดุจทองคำ

ตามมาด้วย ราชอาณาจักรกัมพูชา ให้ความสนใจพัฒนาอาหารจาก มะม่วง” (Mango) ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดจากเอเชียใต้ โดยในปัจจุบันไทยถือเป็นประเทศที่มีการส่งออกมะม่วงมากที่สุดในโลก

ปิดท้ายด้วย สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล ที่ให้ความสนใจในการพัฒนาสูตรอาหาร และผลิตภัณฑ์จากเครื่องเทศ กระวาน” (Cardamom) พืชสมุนไพรที่มีถิ่นกำเนิดจากเอเชียใต้เช่นเดียวกัน โดยเป็นวัตถุดิบสำคัญทั้งในอาหารจานไทย ฝรั่ง และแขก

นับเป็นโอกาสสำคัญของ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่จะได้ก้าวสู่บทบาทในเวทีอาหารโลก ในฐานะ ปัญญาของแผ่นดิน ตามปณิธานฯ ที่พร้อมมอบองค์ความรู้เพื่อประโยชน์แก่มวลมนุษยชาติ ปลดพันธนาการความยากจน จาก “อาหารที่มีคุณค่าและปลอดภัย” ไปสู่การมี คุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อมที่ดี และทำให้แต่ละประเทศพึ่งพาตัวเองได้ต่อไปอย่างยั่งยืน

ติดตามข่าวสารที่น่าสนใจจากมหาวิทยาลัยมหิดลได้ที่ www.mahidol.ac.th

ภาพจาก สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล

ข่าวได้รับการเผยแพร่ทางสื่อมวลชน

1.เมดิคอลไทม์ 20-12-66 http://www.medi.co.th/news_detail41.php?q_id=3145

2.Thiss a Life 20-12-66 https://www.thissalife.com/blog/6759

3.โลกวันนี้ 22-12-66 https://www.lokwannee.com/web2013/?p=461761

4.Tonkit360.COM 1-1-677 https://tonkit360.com/123817

ปิดโหมดสีเทา