ม.มหิดลห่วงใยประชาชน เตรียมเปิดหลักสูตรออนไลน์รับมือภัยโจมตีข้อมูลทางไซเบอร์
08/07/2025
ม.มหิดลปูทางนักศึกษา สู่หนทางแห่งความเป็นเลิศด้วยจริยธรรม
08/07/2025
ม.มหิดลห่วงใยประชาชน เตรียมเปิดหลักสูตรออนไลน์รับมือภัยโจมตีข้อมูลทางไซเบอร์
08/07/2025
ม.มหิดลปูทางนักศึกษา สู่หนทางแห่งความเป็นเลิศด้วยจริยธรรม
08/07/2025

ม.มหิดลค้นพบโรคเส้นประสาทตาอักเสบชนิดใหม่-สาเหตุภูมิคุ้มกันผิดปกติในผู้ป่วย HIV

ในบรรดาโรคที่เกิดจากความผิดปกติเกี่ยวกับการมองเห็น  ซึ่งนอกจากอาการ เบาหวานขึ้นตา  หรือ ต้อหิน ที่พบได้บ่อยแล้ว ยังมี โรคเส้นประสาทตาอักเสบ ที่อาจคุกคามผู้คนทั่วๆ ไป หรือแม้แต่ผู้ป่วยโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (HIV) ได้หากไม่เฝ้าระวังให้มากพอ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ แพทย์หญิงปนิษฐา จินดาหรา อาจารย์แพทย์ประจำหน่วยประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และทีมวิจัยซึ่งเป็นความร่วมมือภายในคณะฯ ระหว่างหน่วยประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ และภาควิชาจักษุวิทยา ในฐานะ ปัญญาของแผ่นดิน ค้นพบภูมิคุ้มกันชนิดใหม่ที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคเส้นประสาทตาอักเสบ และได้รับการตีพิมพ์ผลการค้นพบดังกล่าวแล้วในวารสารวิชาการระดับโลก “Dove Press Journal” ซึ่งอยู่ใน Top 1% ของโลก

โดยได้ทำการศึกษาในผู้ป่วยเส้นประสาทตาอักเสบของโรงพยาบาลรามาธิบดี อายุเฉลี่ย 45 ปี จำนวน 171 ราย มาเป็นเวลานานนับ 10 ปี พบว่าสาเหตุของการอักเสบมีหลายชนิด แต่ละชนิดให้การรักษาแตกต่างกันไป ภูมิคุ้มกันชนิดใหม่ที่เป็นสาเหตุของการเกิด โรคเส้นประสาทตาอักเสบที่ทีมวิจัยค้นพบครั้งแรกของโลกนี้มีชื่อว่า แอนตี้โจวัน” (Anti-Jo1  Associated-optic Neuritis) ซึ่งมีลักษณะการอักเสบมากขึ้นเรื่อยๆ จากตาข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่ง บางรายอาจใช้เวลานานหลายเดือน รักษาได้โดยการใช้สเตียรอยด์ และยากดภูมิเป็นเวลานาน

อย่างไรก็ดี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ แพทย์หญิงปนิษฐา จินดาหรา ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า โรคเส้นประสาทตาอักเสบ เป็นโรคซึ่งเกิดที่บริเวณเส้นประสาทที่เชื่อมต่อดวงตาและสมอง โดยมีอาการสายตาพร่ามัวในระยะแรกเริ่ม และแม้อุบัติการณ์ของ โรคเส้นประสาทตาอักเสบ จะพบเพียงไม่ถึง 2 รายต่อประชากร 1 แสนราย แต่ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ เนื่องจากอาจเป็นสาเหตุทำให้สูญเสียการมองเห็นในระยะรุนแรงได้

นอกจากนี้ทางทีมวิจัยได้ทำการศึกษาในผู้ป่วย HIV ทำให้โลกแห่งวงการแพทย์ได้ประจักษ์ถึง ปฏิกิริยาสะท้อนกลับของการมีภูมิคุ้มกันสูงขึ้น แต่อาจให้ผลที่ตรงกันข้าม

เพื่อเพิ่มความเฝ้าระวังในผู้ป่วยโรคดังกล่าว โดยทั่วไปผู้ป่วย HIV จะต้องดูแลตัวเองด้วยการตรวจสารภูมิคุ้มกันในร่างกาย หรือ “CD4” (Cluster of Differentiation 4) ให้มีค่าคงที่ระหว่าง 500 – 600 เซลล์ต่อ 1 ลูกบาศก์มิลลิลิตร จากการได้รับยาต้านไวรัส HIV อย่างสม่ำเสมอ

ในขณะที่จากการศึกษาในผู้ป่วย HIV โดยทีมวิจัยกลับพบว่า สาเหตุของการเกิดอาการแทรกซ้อนด้วย โรคเส้นประสาทตาอักเสบ ในผู้ป่วย HIV นอกจากจะเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อเนื่องด้วยภูมิคุ้มกันที่ต่ำลงแล้ว แต่อาจเป็นได้จากกรณีที่ผู้ป่วย HIV มีภูมิคุ้มกันสูงขึ้นกว่าเดิมจนกลายเป็น ปฏิกิริยาสะท้อนกลับ” (Immune reconstitution inflammatory syndrome) ซึ่งสามารถรักษาตามอาการด้วยสเตียรอยด์พิจารณาใช้โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีพยากรณ์โรคที่ดี

เพียงหมั่นสังเกตอาการด้วยตนเองโดยใช้มือปิดดวงตาแต่ละข้าง แล้วทดลองอ่านหนังสือและมองสีต่างๆ เพื่อสังเกตศักยภาพในการมองเห็นว่าลดลงหรือไม่ พร้อมเปรียบเทียบดูความแตกต่างในการมองเห็นของดวงตาแต่ละข้างด้วย จะทำให้ทุกคนสามารถห่างไกลความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเส้นประสาทตาอักเสบในระยะรุนแรงได้

ติดตามข่าวสารที่น่าสนใจจากมหาวิทยาลัยมหิดลได้ที่ www.mahidol.ac.th

ปิดโหมดสีเทา