ม.มหิดลผลักดันวิจัย “ซีอิ๊วกลิ่นน้ำปลา” (PB Healthy Sauce) คว้ารางวัลระดับเอเชีย
03/07/2025
ม.มหิดลชี้อันตรายจากการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ และวิธีฟอกสีฟันที่ไม่ได้มาตรฐาน
03/07/2025
ม.มหิดลผลักดันวิจัย “ซีอิ๊วกลิ่นน้ำปลา” (PB Healthy Sauce) คว้ารางวัลระดับเอเชีย
03/07/2025
ม.มหิดลชี้อันตรายจากการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ และวิธีฟอกสีฟันที่ไม่ได้มาตรฐาน
03/07/2025

ม.มหิดลมอบองค์ความรู้เสริมพลังอำนาจทางสุขภาพ

องค์การสหประชาชาติ ประกาศรับรอง สิทธิด้านสุขภาพ ว่าเป็น สิทธิมนุษยชน ตั้งแต่เมื่อกว่า 7 ทศวรรษที่ผ่านมา ตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (International Covenant on Economic, Social and Cultural Rights – ICESCR) ถึงการมีส่วนรวมของประชากรในการตัดสินใจเกี่ยวกับสุขภาพ ทั้งในระดับชุมชน ประเทศ และโลก

ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ การเสริมพลังอำนาจทางสุขภาพ” (Health Empowerment) ที่ให้ความสำคัญต่อ สิทธิมนุษยชนด้านสุขภาพ สู่การค้นพบ ศักยภาพในการดูแลตัวเอง ในทุกมิติ ซึ่งนับเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดของทุกชีวิตมนุษย์

อาจารย์ ดร.พรพรรณ ประพัฒน์พงษ์ อาจารย์ประจำหลักสูตรสาธารณสุขศาสตรบัณฑิต โครงการจัดตั้งวิทยาเขตอำนาจเจริญ มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะผู้สอนรายวิชา การเสริมพลังอำนาจทางสุขภาพ ได้กล่าวถึงผลของการส่งเสริมปัจจัยดังกล่าวว่า ที่ผ่านมาสามารถ สร้างความมั่นใจ ให้กับประชาชนในชุมชนในการดูแลสุขภาพระดับบุคคล ซึ่งจะส่งผลถึงระดับมหภาค ในการช่วยลดความสูญเสียงบประมาณด้านสุขภาวะของประเทศ และลดความแออัดภายในโรงพยาบาล พร้อมทั้งได้แบ่งเบาภาระหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์ที่ยังคงมีไม่เพียงพอให้บริการในปัจจุบัน

จากที่หลักสูตรฯ ได้ออกแบบโดยให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง นอกจากการเรียนรู้ทางด้านทฤษฎีแล้ว ยังได้เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ ฝึกปฏิบัติจริง โดยใช้ความรู้ที่ได้จากชั้นเรียนไปประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาที่พบจากการลงพื้นที่ชุมชน เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง ภายใต้การดูแลโดยคณาจารย์หลักสูตรสาธารณสุขศาสตรบัณฑิต โครงการจัดตั้งวิทยาเขตอำนาจเจริญ มหาวิทยาลัยมหิดล และการสนับสนุนงบประมาณ และบุคลากรจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ที่ดูแลพื้นที่ และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)

โดยพบว่าเป้าหมายหลักในการ เสริมพลังอำนาจทางสุขภาพควรเริ่มต้นตั้งแต่ วัยเด็กซึ่งเป็นช่วงเวลาของชีวิตที่เหมาะต่อการปลูกฝังให้เกิด ความตระหนักรู้ในเรื่อง การดูแลสุขภาพด้วยตัวเองอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังสามารถเป็นตัวแทนนำความรู้เรื่องการดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง ส่งต่อไปยังครอบครัว และขยายผลไปยังชุมชนต่อไปได้อีกด้วย

นอกจากกลุ่มเป้าหมายหลักของการปลูกฝัง การเสริมพลังอำนาจทางสุขภาพ ที่ควรเริ่มต้นตั้งแต่วัยเด็กแล้ว ประชาชนในกลุ่มที่ควรได้รับการส่งเสริมปัจจัยดังกล่าวเช่นกัน ได้แก่ กลุ่มเสี่ยงโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ซึ่งจำเป็นต้องมีการเรียนรู้และฝึกทักษะเพื่อการดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ก่อนป่วย

ซึ่งผลจากการนำนักศึกษาหลักสูตรสาธารณสุขศาสตรบัณฑิต โครงการจัดตั้งวิทยาเขตอำนาจเจริญ มหาวิทยาลัยมหิดล ลงพื้นที่ฝึกปฏิบัติควบคู่ไปกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รพ.สต.ที่ดูแลพื้นที่ และเจ้าหน้าที่อบต. ได้มีการบันทึก เพื่อการวัดผล  ประเมิน และแบ่งกลุ่มเปรียบเทียบเพื่อนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ต่อยอดทั้งทางด้านการศึกษา และวิจัย ตลอดจนรวบรวมสู่สาธารณสุขจังหวัด เพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณาปรับปรุงการให้บริการสุขภาพในระดับนโยบายให้ชัดเจน และตอบโจทย์ประชาชนในชุมชนได้ยิ่งขึ้นต่อไปอีกด้วย

หากทุกคนบนโลกได้ตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ในการดูแลสุขภาพของตัวเอง ไม่ว่าจะต้องเผชิญปัญหาทางสุขภาวะในระดับใด ด้วยความพร้อมจากการใช้ชีวิตที่ไม่ตั้งอยู่ในความประมาท ด้วยองค์ความรู้ที่สั่งสมมาอย่างต่อเนื่อง จะเป็นพลังให้พร้อมสู้ยืนหยัดเพื่อการมีร่างกายและจิตใจที่แข็งแรง ซึ่งจะนำไปสู่การมีชีวิตที่ยืนยาวได้ต่อไป

ข่าวได้รับการเผยแพร่ทางสื่อมวลชน

1.เมดิคอลไทม์ 29-7-66 http://medi.co.th/news_detail41.php?q_id=2560&mibextid=Zxz2cZ

2.นิตยสารสาระวิทย์ 31-7-66 https://www.nstda.or.th/sci2pub/health-empowerment/

https://twitter.com/mahidolpr/status/1688371229944922112?s=20

3.ThaiPR.NET 31-7-66 https://www.thaipr.net/health/3364480

4.RYT9.COM 31-7-66 https://www.ryt9.com/s/prg/3441016

5.newswit 31-7-66 https://www.newswit.com/th/ifmmifl1qk4901u2giomwv26radv366n

ปิดโหมดสีเทา