ม.มหิดลสร้างโลกด้วยการสื่อสาร เปิดป.เอก “ภาษาและการสื่อสารระหว่างวัฒนธรรม”
08/07/2025
ม.มหิดลมุ่งวิจัยสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืน ‘ปลดกับดักทางความคิด’สู่การพึ่งพาตนเอง
08/07/2025
ม.มหิดลสร้างโลกด้วยการสื่อสาร เปิดป.เอก “ภาษาและการสื่อสารระหว่างวัฒนธรรม”
08/07/2025
ม.มหิดลมุ่งวิจัยสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืน ‘ปลดกับดักทางความคิด’สู่การพึ่งพาตนเอง
08/07/2025

ม.มหิดลร่วมแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีไทย-จีน เพื่อควบคุมป้องกันโรคธาลัสซีเมีย

สมรภูมิแห่งการควบคุมโรคธาลัสซีเมีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชีย ไม่เคยห่างหายการต่อสู้สู่หนทางรอดแห่งมวลมนุษยชาติที่ลำพังประเทศใดประเทศหนึ่งไม่อาจเอาชนะได้

อาจารย์ ดร. นายแพทย์กิตติพงศ์ ไพบูลย์สุขวงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนานวัตกรรมและบริการวิชาการ สถาบันชีววิทยาศาสตร์โมเลกุล (MB) มหาวิทยาลัยมหิดล ได้กล่าวถึงการรวมพลังต่อสู้โรคธาลัสซีเมียในกลุ่มประเทศที่มีอุบัติการณ์สูงอย่างเช่นในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากโลกในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงและเคลื่อนย้ายประชากรเพิ่มขึ้น

จำเป็นต้องเตรียมแผนร่วมสร้างฐานข้อมูลเพื่อรับมือกับอุบัติการณ์ที่เกิดขึ้นจากการกลายพันธุ์ที่แตกต่างหลากหลายกันไปในแต่ละพื้นที่โดยเร่งด่วนด้วยความรู้เท่าทันอยู่ตลอดเวลา จึงได้ร่วมกับศูนย์วิจัยธาลัสซีเมีย แห่งมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์กว่างซี สาธารณรัฐประชาชนจีน แลกเปลี่ยนเทคโนโลยีการวินิจฉัยเพื่อขยายผลสู่ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียต่อไป

ซึ่งแม้ประเทศไทยจะมีพัฒนาการในด้านดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการตรวจวินิจฉัยโรคธาลัสซีเมียในระดับโมเลกุลตั้งแต่เมื่อกว่า 4 ทศวรรษที่ผ่านมา

แต่เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยโรคธาลัสซีเมียของสาธารณรัฐประชาชนจีน พบว่าประเทศไทยยังคงต้องเรียนรู้เพื่อพัฒนาสู่เทคนิคขั้นสูงให้มีความหลากหลายมากขึ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยี Next Generation Sequencing – NGS และ Multicolor Melting Curve Analysis จากการนำสารพันธุกรรม (DNA) มาตรวจเพื่อเพิ่มโอกาสในการศึกษาข้อมูลกลายพันธุ์ของโรคธาลัสซีเมีย

แม้ผู้ที่มียีนแฝงหรือเป็นพาหะโรคธาลัสซีเมียจะไม่เป็นปัญหาต่อสุขภาพ แต่อาจถ่ายทอดความผิดปกติสู่ลูกหลานได้ ซึ่งในเชิงนโยบายการตรวจคัดกรองและวินิจฉัยเพื่อการควบคุมโรคธาลัสซีเมีย พบว่าประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนมีข้อกำหนดในกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน

โดยประเทศไทยกำหนดให้หญิงตั้งครรภ์ทุกรายเข้ารับการตรวจและประเมินความเสี่ยงต่อการมีบุตรเป็นโรคธาลัสซีเมียก่อนอายุครรภ์ 16 สัปดาห์ ในขณะที่สาธารณรัฐประชาชนจีนกำหนดให้มีการตรวจคัดกรองและวินิจฉัยเพื่อการควบคุมโรคธาลัสซีเมียตั้งแต่จดทะเบียนสมรส

คาดว่าจากความร่วมมือดังกล่าวจะทำให้เกิดการขับเคลื่อนสู่การปรับเปลี่ยนนโยบายของกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียให้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ตลอดจนจะเป็นการสร้างฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) สำหรับใช้ในการตรวจคัดกรองและวินิจฉัยโรคธาลัสซีเมียที่แตกต่างร่วมกันได้ต่อไปในอนาคต

ติดตามข่าวสารที่น่าสนใจจากมหาวิทยาลัยมหิดลได้ที่ www.mahidol.ac.th

ข่าวได้รับการเผยแพร่ทางสื่อมวลชน

1.TAP Magazine 21-3-66 https://www.tap-magazine.net/blog-th/21032023

https://twitter.com/mahidolpr/status/1639078930945835011?s=20

2.เมดิคอลไทม์ 23-3-66 http://medi.co.th/news_detail41.php?q_id=2016

3.นิตยสารสาระวิทย์ 20-3-66 https://www.nstda.or.th/sci2pub/control-and-prevention-of-thalassemia/

4.ThaiPR.NET 20-3-66 https://www.thaipr.net/health/3316310

5.RYT9.COM 20-3-66 https://www.ryt9.com/s/prg/3407655

6.newswit 20-3-66 https://newswit.com/th/M2ur

ปิดโหมดสีเทา